Luran S สามารถนำไปเข้ากระบวนการขึ้นรูปในเครื่องฉีดขึ้นรูปใดก็ได้ที่มีในท้องตลาด แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ เครื่องฉีดขึ้นรูปแบบสกรูเดี่ยว
รูปร่างของสกรู
สกรูแบบธรรมดาเพื่องานเอนกประสงค์สามารถนำมาใช้ได้ ความยาวของสกรูควรอยู่ที่ 16 – 20 D
ข้อมูลที่ให้มาในตารางด้านล่างนี้ เป็นค่าทั่วไปของการออกแบบสกรูซึ่งมีการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จในการใช้งาน
ค่าสกรูพิทช์นั้นมีความสม่ำเสมอตลอดความยาวของสกรูและควรอยู่ที่ 0.8 – 1 D
ค่าแบบอย่างสำหรับการกำหนดค่าของสกรู:
ความยาวแต่ละส่วน
|
|
ความยาวทั้งหมด
|
16 -20 D
|
Feed zone
|
8 - 10 D
|
Compression zone
|
4.8 - 6 D
|
Metering zone
|
3.2 - 4 D
|
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของสกรู (มม.)
|
ความลึกของร่องสกรู
ช่วง feed zone (มม.)
|
ความลึกของร่องสกรู
ช่วง metering zone (มม.)
|
30
|
5
|
2.5
|
50
|
6
|
3
|
70
|
8
|
4
|
หัวฉีด
หัวฉีดแบบเปิดสามารถนำมาใช้ในกระบวนการขึ้นรูป Luran S เพราะ การหลอมเหลวของLuran S มีความสัมพันธ์กับความหนืด หัวฉีดแบบเปิดมีการออกแบบที่เรียบง่ายและให้คุณสมบัติด้านการไหลเวียนที่ดี หัวสูบแบบปิดมีข้อได้เปรียบเมื่อมีการใช้ความดันย้อนกลับสูง หรือสายอนุกรมที่ไม่ต้องการต้องถูกหลีกเลี่ยงและ การผลิตชิ้นส่วนที่มีผนังหนา การเดินเครื่องด้วยเครื่องจักรหรือด้วยพลังน้ำของหัวฉีดวาล์วรูเข็มได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำงานได้ดีที่สุด
การออกแบบรูเข้าและแม่พิมพ์
สามารถใช้รูเข้าประเภทใดก็ได้ รวมถึงระบบรูวิ่งแบบร้อนด้วย คู่มือสำหรับการออกแบบรูเข้าและแม่พิมพ์สำหรับการผลิตแม่พิมพ์ขึ้นรูปชิ้นส่วนจากเทอร์โมพลาสติก (VDI 2006) ก็สามารถใช้กับ Luran S ได้ ช่องของรูเข้าและฟีดชาเนลไม่ควรเล็กเกินไป ไม่เช่นนั้นต้องใช้อุณหภูมิหลอมเหลวและแรงดันการฉีดที่สูงมาก ซึ่งจะมีผลให้เกิดริ้วรอย รอยไหม้ดำ ช่องว่าง หรือรอยปุ๋มได้
การใช้งานแบบแทรก
ชิ้นส่วนที่เป็นโลหะสามารถนำมาใช้ในการขึ้นรูปได้โดยไม่มีปัญหา แต่ควรนำไปอุ่นที่อุณหภูมิ 80-120 °C ก่อนที่จะนำไปใส่ในแม่พิมพ์ เพื่อไม่ให้เกิดรอยกดภายใน ชิ้นส่วนที่เป็นโลหะต้องปราศจากน้ำมัน และเพื่อเพิ่มความเกาะติด ควรมีพื้นผิวที่เป็นร่องหรือผิวที่มีลักษณะคล้ายกัน ขอบของโละควรมีทำให้มีลักษณะกลม
การควบคุมอุณหภูมิของแม่พิมพ์
การออกแบบอย่างระมัดระวังของระบบควบคุมอุณหภูมิแม่พิมพ์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เมื่ออุณหภูมิของพื้นผิวแม่พิมพ์ที่ได้ประสิทธิภาพนั้นมีผลต่อคุณภาพของผิวงาน (ความมันเงา ทิศทางการไหล) และต่อความแข็งแรงของรอยเชื่อมประสาน การเสียรูป การหดตัว และค่าโทเลอเรนซ์ของแม่พิมพ์ อุณหภูมิของผิวแม่พิมพ์ที่แนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์เกรด Luran S แสดงไว้ในตารางด้านล่าง นี้ ทั้งนี้เราสามารถทำให้การผิดรูปของแบบพิมพ์เกิดน้อยลงได้ ด้วยการแยกและทำการควบคุมอุณหภูมิของแม่พิมพ์ทั้ง 2 ส่วนให้แตกต่างกัน
อุณหภูมิของผิวแม่พิมพ์ที่แนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์เกรด Luran® S:
|
อุณหภูมิขณะกระบวนการขึ้นรูป (°C)
|
อุณหภูมิแม่พิมพ์
(°C)
|
การหดตัว
(%)
|
Luran S - ASA grades
|
240-280 °C
|
40-80 °C
|
0.4-0.7
|
Luran S - ASA/PC grades
|
260-300 °C
|
60-90 °C
|
0.3-0.7
|
Luran S KR 2867 C WU
|
260-280 °C
|
40-60 °C
|
0.3-0.7
|
อุณหภูมิกระบวนการขึ้นรูป
เนื้อพลาสติกของผลิตภัณฑ์ Luran S มักจะถูกนำไปขึ้นรูปที่อุณหภูมิหลอมเหลวประมาณ 240-280 °C แต่เกรดที่เป็นการผสมกันระหว่าง Luran® S กับโพลีคาร์บอเนต (เช่น Luran® S KR 2861/1 C) ควรใช้อุณหภูมิที่ 260-300°C ยกเว้นในเกรดที่มีสารหน่วงการติด Luran® S KR 2867 CWU ซึ่งช่วงอุณหภูมิที่แนะนำคือ 260 - 280°C (ตามตารางที่ 4) สำหรับการขึ้นรูปที่ช่วงอุณหภูมิสูงสุด มากกว่านี้ควรใช้เรสสิเดนท์ไทม์แบบสั้นๆ เพราะไม่เช่นนั้นวัสดุอาจจะสลายตัวจากความร้อนได้ สิ่งนี้สามารถเห็นได้ในคอมพาวด์ที่มีสี โดยสีจะมีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งส่วนใหญ่จะกลายเป็นสีที่ซีดลง
ลักษณะการฟีด
แม้ในระดับการหมุนที่เร็วของสกรู การขึ้นรูปพลาสติกตามแม่พิมพ์ของ Luran S ยังคงดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและไม่มีการสลายตัวจากความร้อน ประสิทธิภาพของการพลาสติกฟิเคชั่นเพิ่มขึ้นพร้อมกับอุณหภูมิการขึ้นรูปที่สูงขึ้นด้วย
สำหรับอุณหภูมิการขึ้นรูปที่สูงและ/หรือสำหรับ Cycle Time ที่ยาวนั้นอุณหภูมิของการแถบทำความร้อนตัวแรก (ใกล้กับกรวยฟีด) ควรเซ็ตไว้ที่ต่ำกว่าเพื่อป้องกันการหลอมละลายเกินไปของเม็ดพลาสติกในฟีดโซน (bridging)
การฉีดพลาสติกเข้าสู่แม่พิมพ์
ความเร็วในการฉีดที่ค่อนข้างสูงนั้นมีประโยชน์เพราะในการหว่างการฉีดเข้าแม่พิมพ์นั้นจะมีความเย็นเกิดขึ้นเล็กน้อย สื่งนี้จะให้ความมันเงาของผิว รอยเชื่อมประสานที่มองเห็นได้ไม่ชัด และรอยเชื่อมประสานที่มีความแข็งแรงมาก หากความเร็วในการการฉีดต่ำเกินไป จะทำให้ชิ้นงานมีผิวที่ไม่สวยงาม ขณะที่พลาสติกเหลวถูกฉีด ควรระมัดระวังเรื่องอากาศอาจเข้ามาในรูปทรงชิ้นงานในแม่พิมพ์ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการไหม้เกรียมโดยความกดอากาศ (diesel effect) เพื่อให้ได้ชิ้นงานการฉีดขึ้นรูปที่สมบูรณ์แบบและเพื่อป้องกันการเกิดช่องว่าง ความดันฉีดย้ำและเวลาฉีดย้ำต้องเพียงพอที่จะชดเชยการลดลงของปริมาณที่เกิดขึ้นเมื่อพลาสติกเหลวเย็นตัวลง ในทางตรงกันข้าม การฟีดมากเกินความต้องการของโพรงแม่พิมพ์เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากจำทำให้เกิดรอยกดในงานพิมพ์ได้ ความเสี่ยงในการฟีดมากเกินไปมักเกิดขึ้นบ่อยๆที่บริเวณใกล้กับช่องทางไหลเข้า ในอัตราการฉีดและเวลาฉีดย้ำที่สูง
ลักษณะการฟีด
การทดลอง Spiral Flow ในรูปที่ 14 และ 15 แสดงให้เห็นถึงลักษณะการไหลเวียนของ Luran S

รูปที่ 14 : Flowability of Luran S (ASA) as a function of melt temperature (spiral flow test)
แม่พิมพ์ : ทดสอบสไปรอล 2 x 10 มล. ; ความดันการฉีดที่ 1100 บาร์; อุณหภูมิผิวแม่พิมพ์ที่ 60 °C

รูปที่ 15 : Flowability of Luran S (ASA+PC) as a function of melt temperature (spiral flow test)แม่พิมพ์ : ทดสอบสไปรอล 2 x 10 มล. ; ความดันการฉีดที่ 1100 บาร์; อุณหภูมิผิวแม่พิมพ์ที่ 80 °C
การปลดชิ้นงานในแม่พิมพ์
Luran S สามารถพร้อมที่จะถอดแม่พิมพ์ ถึงแม้จะเป็นแม่พิมพ์ที่มีการออกแบบอย่างซับซ้อนก็ตาม โดยค่ามุมสอบ (draft) ที่ 0.5 - 0.9° ถือว่าเพียงพอแล้ว หากชิ้นงานมีลักษณะผิวที่ละเอียด ค่ามุมสอบ (draft) จะเพิ่มขึ้น: 1° ซึ่งจะทำให้สามารถถอดชิ้นงานได้ที่ความลึกผิวงาน 0.02มล. จากโพรงแม่พิมพ์และ 0.01 มล.จากแกนแม่พิมพ์
การหดตัวและภาวะหลังการหดตัว
การหดตัวของพลาสติกขึ้นรูปเกรด Luran S จะเกิดขึ้นน้อยกว่าในพลาสติกชนิด เซมิ คริสทัลไลน์ กระบวนการหดตัวนั้นมักจะอยู่ที่ประมาณ 0.4-0.7% และต่ำกว่า 0.4% ในกรณียกเว้น
ในส่วนของงานพิมพ์ที่เคยถูกใช้ความดันฉีดย้ำที่สูง (ใกล้กับช่องทางไหลเข้า) นั้น
อาจใกล้เคียงกับ 0% การหดตัวภายหลัง เกิดขึ้นเล็กน้อยในการใช้งานส่วนใหญ่ มีสัดส่วนถึง 1/10 ของการหดตัวทั้งหมด